โอนหุ้นให้บุตร ภาษีต้องจ่ายไหม? สรุปครบทุกขั้นตอน สำหรับผู้ให้และผู้รับ

สำนักงานบัญชี รับทำบัญชี โปรแกรมบัญชี รับจดทะเบียนบริษัท อบรมบัญชี รับตรวจสอบบัญชี

โอนหุ้นให้บุตร ภาษีต้องจ่ายไหม? สรุปครบทุกขั้นตอน สำหรับผู้ให้และผู้รับ

  คุณกำลังวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งให้ทายาทผ่านการ "โอนหุ้นให้ลูก" ใช่ไหม? หนึ่งในคำถามสำคัญที่ตามมาคือเรื่อง "ภาษี" ใครต้องเสีย? เสียเท่าไหร่? และมีข้อยกเว้นอะไรบ้าง? บทความนี้สรุปประเด็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการโอนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ให้บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแบบไม่มีค่าตอบแทน (ให้โดยเสน่หา) ให้คุณเข้าใจง่าย ครบทุกมิติ ทั้งฝั่งคุณพ่อคุณแม่ (ผู้โอน) ฝั่งลูก (ผู้รับ) และกรณีที่ลูกนำหุ้นไปขายต่อในอนาคต

1. ภาษีฝั่งผู้โอน (บิดาหรือมารดา) โอนให้ฟรี ไม่มีภาระภาษี

  ข่าวดีสำหรับผู้ให้! เมื่อคุณพ่อคุณแม่โอนหุ้นให้ลูกโดยไม่มีค่าตอบแทน หรือที่เรียกว่า "ให้โดยเสน่หา" กรมสรรพากรถือว่าการกระทำดังกล่าว ไม่มีผลประโยชน์ที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน

  • สรุป ฝั่งคุณพ่อคุณแม่ (ผู้โอน) ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการโอนหุ้นในครั้งนี้ เพราะไม่ถือว่ามีเงินได้เกิดขึ้น

2. ภาษีฝั่งผู้รับ (บุตร) จุดสำคัญอยู่ที่มูลค่า 20 ล้านบาท

   เมื่อลูกได้รับหุ้นมา ถือว่าได้รับทรัพย์สินซึ่งเป็น "เงินได้พึงประเมิน" ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากเป็นการได้รับจากบุพการี (บิดาหรือมารดา) จึงได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ดังนี้

  • กรณีที่ 1 มูลค่าหุ้นที่ได้รับตลอดปีภาษี ไม่เกิน 20 ล้านบาท เงินได้ในส่วนนี้จะได้รับ การยกเว้นภาษีทั้งหมด ตามมาตรา 42 (27) แห่งประมวลรัษฎากร ลูกจึงยังไม่ต้องนำไปยื่นหรือเสียภาษี
  • กรณีที่ 2 มูลค่าหุ้นที่ได้รับตลอดปีภาษี เกิน 20 ล้านบาท ลูกจะต้องนำมูลค่าหุ้น เฉพาะส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในสิ้นปีภาษีนั้น ตัวอย่าง คุณพ่อโอนหุ้นมูลค่าตามบัญชี ณ วันที่โอนให้ลูกทั้งหมด 23 ล้านบาท ลูกจะได้รับยกเว้น 20 ล้านบาทแรก และต้องนำเงินได้ส่วนที่เกินคือ 3 ล้านบาท ไปยื่นเสียภาษี

3. ภาษีเมื่อ "ลูก" ขายหุ้นในอนาคต กำไรคิดจากไหน?

  หากวันหนึ่งลูกตัดสินใจขายหุ้นที่ได้รับมา กำไรที่เกิดขึ้นจากการขาย (Capital Gain) จะต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ "การคำนวณต้นทุน"

  • หลักการ กำไรจากการขายหุ้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ช) ที่ต้องเสียภาษี
  • วิธีคำนวณต้นทุน เพื่อไม่ให้เกิดการเสียภาษีซ้ำซ้อน กฎหมายอนุญาตให้ลูกนำมูลค่าหุ้น เฉพาะส่วนที่เคยนำไปเสียภาษีแล้ว ตอนที่ได้รับมา มาใช้เป็น "ต้นทุน" ในการคำนวณกำไรได้ จากตัวอย่างเดิม ลูกได้รับหุ้น 23 ล้านบาท และได้นำส่วนที่เกิน (3 ล้านบาท) ไปเสียภาษีแล้ว เมื่อลูกขายหุ้นนี้ในอนาคต จะสามารถใช้ต้นทุนในการคำนวณกำไรได้ 3 ล้านบาท ถ้าได้รับหุ้นมูลค่าไม่เกิน 20 ล้าน ในกรณีนี้ลูกไม่เคยนำมูลค่าหุ้นไปเสียภาษีเลย ดังนั้น ต้นทุนในการคำนวณกำไรจากการขาย จะเท่ากับ 0 บาท หมายความว่าราคาขายทั้งหมดจะต้องนำไปคำนวณเป็นกำไรเพื่อเสียภาษี

   สรุปง่ายๆ การโอนหุ้นให้ลูกเป็นวิธีส่งต่อทรัพย์สินที่ดี แต่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อจัดการภาระภาษีให้ถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในวันที่รับโอนและวันที่อาจมีการขายในอนาคต

  ข้อจำกัดความรับผิดชอบ  บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นจากข้อหารือของกรมสรรพากรเท่านั้น การเสียภาษีอากรอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรโดยตรง

บทความทางบัญชี


ติดตามเราได้ที่